UNITED STATES
เหตุผลดีๆ ที่ควรเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา
เหตุผลดีๆ ที่ควรเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศหนึ่งที่มีระบบอุดมศึกษาที่ดีที่สุดในโลก
ที่นี่มีวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยให้เลือกเรียนต่อกว่า 4,000 แห่ง แต่ละแห่งเน้นการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และได้รับการเอาใจใส่จากอาจารย์ผู้สอนอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยติดระดับโลกจำนวนมาก โดยมหาวิทยาลัยดีที่สุดในโลก 7 ใน 10 อันดับแรกอยู่ในสหรัฐอเมริกา ตามการจัดอันดับของ Times Higher Education World University Rankings ปี 2013/2014 โดยในกลุ่มมหาวิทยาลัยดีที่สุด 200 อันดับแรกเป็นมหาวิทยาลัยในอเมริกาถึง 76 แห่ง
ไม่แน่วันดีคืนดีคุณอาจมีโอกาสได้นั่งเรียนกับอาจารย์ที่มีชื่อเสียงและได้รับรางวัลระดับโลกอย่างรางวัล Nobel และ Pulitzer ก็ได้
อยากเรียนอะไร ที่นี่มีให้คุณเรียนแน่นอน
นอกเหนือจากจะมีสถาบันการศึกษาที่หลากหลายให้เลือกเรียน ทั้งสถาบันเอกชนหรือรัฐบาล วิทยาลัยที่เปิดสอนเฉพาะทาง เช่น Art College, Technical school, วิทยาลัยชายล้วนหรือหญิงล้วน มหาวิทยาลัยที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่โตกว้างขวางเหมือนกับเมืองๆ หนึ่ง, วิทยาลัยขนาดเล็กที่มีนักเรียนน้อยและรู้จักกันหมด หรือแม้แต่เลือกสถาบันตามที่ตั้ง หรือตามสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าคุณจะชอบแบบไหน สหรัฐอเมริกามีทุกอย่างให้เลือก
ในระดับมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกายังมีหลักสูตรให้เลือกเรียนกว่า 900 สาขา คุณจึงมีโอกาสและทางเลือกมากมายที่ตรงตามความสนใจ และตรงกับงานที่ต้องการจะทำในอนาคต
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมสหรัฐอเมริกาจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักเรียนต่างชาติเลือกมาศึกษาต่อเป็นอันดับต้นๆ
สหรัฐอเมริกามีจุดเด่นด้านวัฒนธรรมอันแตกต่างหลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเป็นสังคมที่มีหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน
เมื่อเลือกศึกษาต่อที่นี่ คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี และธรรมเนียมต่างๆ ทั้งของท้องถิ่นและต่างภูมิภาค
บอกคำเดียวว่า…เป็นประสบการณ์ชีวิตที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
จะดีแค่ไหนถ้าเรามีเพื่อนจากหลากหลายประเทศทั่วโลก
แต่ละปีมีนักเรียนต่างชาติกว่า 700,000 คนเข้ามาศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้คุณมีเพื่อนจากทั่วทุกมุมโลก ลองนึกภาพดูสิว่า หลังเรียนจบคุณได้บินไปเยี่ยมเพื่อนในประเทศต่างๆ พร้อมเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเหล่านั้น (เผลอๆ อาจจะฟรีด้วย)
แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว !
ไม่มีที่ไหนที่คุณจะได้ฝึกการแสดงออกทางความคิดและเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ได้เท่าที่นี่อีกแล้ว
เพราะการเรียนการสอนในสหรัฐอเมริกาเน้นการมีส่วนร่วม อาจารย์ผู้สอนจะเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงออกอย่างเต็มที่ มหาวิทยาลัยแทบทุกแห่งจะเน้นหลักสูตรที่ทันต่อโลกและเหตุการณ์ต่างๆ ในปัจจุบัน ผสมผสานการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยในการเรียนการสอน
ที่สำคัญ ยังเน้นการสอนโดยใช้วิธีที่หลากหลาย โดยเฉพาะการกระตุ้นความสนใจจากนักเรียนโดยการยิงคำถามให้ตอบที่เรียกว่า Cold Call ไม่ได้การเน้นจดเล็คเชอร์เหมือนอย่างบ้านเรา
นักเรียนไทยอาจจะไม่คุ้นเคยกับการเรียนด้วยวิธีนี้เท่าไหร่ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่จะเป็นการปูพื้นฐานที่ดีสำหรับโลกการทำงานจริงของคุณ ในอนาคต
“สหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพ และมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล”
ภูมิประเทศ
สหรัฐอเมริกาตั้งอยู่บนทวีปอเมริกาเหนือระหว่างประเทศแคนาดาและประเทศ เม็กซิโก มีขนาดพื้นที่ใหญ่โตเทียบแล้วประมาณ 18 เท่าของพื้นที่ประเทศไทย ประกอบด้วยรัฐต่างๆ 50 รัฐ มีเมืองหลวง คือ วอชิงตัน ดี ซี นอกจากนี้ยังมีดินแดนบางส่วนในทะเลแคริบเบียน และมหาสมุทรแปซิฟิกอีกด้วย
เนื่องจากเป็นประเทศที่มีขนาดกว้างใหญ่ สภาพภูมิประเทศและสภาพอากาศของแต่ละรัฐจะแตกต่างกันมากทีเดียว การเดินทางข้ามรัฐต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง นอกจากนี้แต่ละรัฐยังมีความแตกต่างกันทั้งเรื่องของเวลา รวมไปถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่
สหรัฐอเมริกาได้รับการขนานนามว่า “Melting Pot” หมายถึง แหล่งรวมของผู้คนที่มาจากหลากหลายวัฒนธรรมที่หล่อหลอมรวมกัน โดยมีผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์อพยพเข้ามาเพื่อแสวงหาโอกาสที่จะ เริ่มต้นชีวิตใหม่
ดินแดนแห่งนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ โดยมีเทพีเสรีภาพเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเทศ
ภูมิอากาศ
ประชากร
ภาษา
ศาสนา
รู้จักทักทาย
คนอเมริกันเป็นคนสบายๆ ไม่ค่อยมีพิธีรีตอง การทักทายกันก็ทำแบบง่ายๆ แค่จับมือและเซย์ Hello ทักทาย
ในการเริ่มต้นบทสนทนา ถ้าเจอกันครั้งแรก คุณควรยิ้มทักทายและบอกชื่อจริง (First name) เป็นการแนะนำตัวกับอีกฝ่าย หรือถ้าเป็นการพบกันหลายๆ คน ก็อย่าลืมแนะนำเพื่อนในวงสนทนาให้รู้จักกันอย่างทั่วถึงด้วย
แม้แต่แค่เดินสวนกับคนแปลกหน้า แล้วเขาอาจจะเซย์ “hi” กับคุณ ก็ไม่ต้องแปลกใจ (คุณอาจจะคิดว่า…ไม่รู้จักกันแล้วมาทักฉันทำไมหว่า) แต่นี่เป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับสังคมอเมริกัน สิ่งที่คุณควรทำคือ เซย์ “hi” กลับไป หรือถ้าอีกฝ่ายพูดว่า “Hi,how are you?” ก็ตอบกลับไปสั้นๆ ว่า “I‘m good. How are you?”
3 คำจำให้แม่น
หัดพูดสามคำนี้ให้เป็นนิสัย Thank you, Excuse me, sorry แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ควรพูดไว้ เพราะคนอเมริกันพูดกันจนติดปากกับคนไปทั่ว เขาจะได้มองว่าเราเป็นคนมีวัฒนธรรมยังไงล่ะ
อย่าลืมให้ “ทิป”
การให้ทิปในอเมริกาถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนทำกัน ถ้าใครไม่ให้ทิปนี่ถือว่าเสียมารยาทเอามากๆ โดยทั่วไปถ้าเป็นร้านอาหารควรให้ทิปสัก 15 –20 % ของราคาอาหาร (แต่บางร้านก็คิดค่าทิปรวมไปแล้ว ต้องดูให้ดีๆ จะได้ไม่เสียเงินซ้ำซ้อน) ส่วนถ้าเป็นการใช้บริการแท็กซี่ หรือร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ก็มักจะให้ทิปกันที่ 10-15 %
ไปร้านอาหาร อย่าเดินดุ่มๆ ไปเลือกที่นั่ง
บ้านเราเวลาเช้าร้านอาหารจะเดินไปหาที่นั่งเอง แต่ในอเมริกา เขาไม่ทำกันอย่างนั้น ถึงแม้จะไม่มีแขก ไม่มีคิวก็ตาม ก็ต้องยืนรอให้พนักงานมาพาไป ยกเว้นร้านขายอาหารเล็กๆ กันเองๆ อันนี้ขึ้นกับสถานการณ์
เล่นกีฬาผูกมิตร
คนอเมริกันคลั่งไคล้กีฬามาก โดยเฉพาะบาสเก็ตบอล เบสบอล อเมริกันฟุตบอล ถ้ามีเพื่อนมาชวนให้ไปเล่นกีฬาด้วยกัน ไม่เสียหายถ้าจะลองไปดูสักครั้ง นอกจากความสนุกแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าสังคมอีกด้วย
อย่าเรียกพี่มืดว่า “นิโกร”
ห้องน้ำ…เรียกให้ถูกนะจ๊ะ
ที่อเมริกา ถ้าถามหาห้องน้ำ ให้ใช้คำว่า “restroom” ไม่ใช่ “toilet” อย่างที่เราคนไทยคุ้นกัน ไม่อย่างนั้นคนฟังจะงงๆ ขำๆ เอาได้ (สำหรับคนอเมริกัน toilet หมายถึง ชักโครก)
ไม่มีโต้รุ่งเหมือนบ้านเรา
อยู่เมืองไทยมีร้านอาหาร ร้านแผงลอยเปิดกันโต้รุ่ง หิวเมื่อไหร่ก็ออกไปหาซื้อได้ทั้งวันทั้งคืน แต่ในอเมริการ้านค้าปิดเร็ว พอถึงเวลาปิดก็จะเงียบสนิทไปทั้งเมือง ยกเว้นร้านใหญ่บางแห่งที่เปิดกัน 24 ชั่วโมง เช่น Walmart
เที่ยวกันแทบทุกวันหยุด
อเมริกาเป็นประเทศกว้างใหญ่ มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจเพียบ พอถึงวันหยุดปุ๊บ นักเรียนต่างชาติส่วนใหญ่มักจะจัดทริปเที่ยวกันเป็นประจำ วิธีที่นิยมคือการเช่ารถขับตระเวนข้ามรัฐกันเป็นชั่วโมงๆ หาเวลาแจมกันเพื่อนๆ บ้าง เพราะนอกจากจะเป็นการเปิดหูเปิดตาแล้ว ยังทำให้คุณได้สนิทสนมกับเพื่อนใหม่ๆ ด้วย
แต่งตัวสบายๆ
วัยรุ่นอเมริกันส่วนใหญ่จะแต่งตัวกันแบบสบายๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ แม้แต่เวลาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยก็ไม่สวมชุดยูนิฟอร์ม แต่แต่งตัวได้ตามใจชอบ จนเมื่อได้เห็นคุณอาจต้องแปลกใจ ส่วนใหญ่จะเลือกใส่ชุดที่สบายๆ เหมาะสมกับสภาพอากาศและตามเทรนด์แฟชั่น ไม่เน้นความเป็นทางการมากนัก
ต้องมีส่วนร่วมในชั้นเรียน
ถ้าเป็นบ้านเรา เวลาอาจารย์ให้ถามคำถาม มักจะลงเอยด้วยเสียงเงียบกริบทั้งห้องเรียน แต่ ที่อเมริกาไม่ใช่เลย มีแต่นักเรียนแย่งกันถาม แย่งกันแสดงความคิดเห็น อาจารย์เองก็พยายามกระตุ้นให้นักศึกษาแสดงความออกกันอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้น ถ้าใครคิดจะไปเรียนที่อเมริกา ต้องหัดปรับตัว ฝึกแสดงความคิดเห็นไว้บ้าง ถ้าเรายังไม่แม่นภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ก็ต้องทำการบ้านให้มากขึ้น หาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่อาจารย์จะสอนไปก่อนล่วงหน้าบ้าง จะได้ไม่เป็นตัวประหลาด เพราะนั่งเงียบอยู่ในคลาสคนเดียว