UNITED KINGDOM
เหตุผลดีๆ ที่ควรเรียนต่อที่สหราชอาณาจักร
เหตุผลดีๆ ที่ควรเรียนต่อที่สหราชอาณาจักร
สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในประเทศยอดนิยมของนักศึกษาต่างชาติ และมีมาตรฐานการศึกษาอยู่ในชั้นแนวหน้าของโลก
จุดเด่นอีกอย่างของสถาบันการศึกษาในอังกฤษ ทั้งระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย คือ ส่วนใหญ่เป็นสถาบันเก่าแก่ ก่อตั้งมายาวนาน (บางแห่งหลายร้อยปี) และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะโรงเรียนมัธยมในอังกฤษได้ชื่อว่าเป็นแม่แบบของระบบการศึกษาของโลก
ส่วนในระดับมหาวิทยาลัย ก็มีสถาบันการศึกษามากกว่า 3,000 แห่งที่เปิดรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียน โดย 4 จาก 6 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอยู่ในสหราชอาณาจักร (การจัดอันดับโลกของ QS)
หลักสูตรการเรียนการสอน ในสหราชอาณาจักรมีความหลากหลาย คุณสามารถเลือกสาขาวิชาและรูปแบบของหลักสูตรได้ตรงกับความต้องการ ความสนใจ และความสามารถของตนเอง
จากผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS ในปี 2013/14 พบว่าผู้ว่าจ้างทั่วโลกเห็นว่า ผู้สำเร็จการศึกษาจากสหราชอาณาจักรเป็นผู้ที่ “น่าเลือกมาทำงาน” มากที่สุด จากการสำรวจจากผู้ว่าจ้างผู้สำเร็จการศึกษาจำนวน 27,000 แห่งทั่วโลก พบว่า ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยถึง 5 แห่งของสหราชอาณาจักรติด 10 อันดับแรกของมหาวิทยาลัยที่น่าว่าจ้างที่สุดในโลก
การเลือกเรียนต่อที่สหราชอาณาจักรจึงเป็นเหมือนการเปิดประตูสู่อาชีพในฝันของคุณ ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล
การเรียนระดับอุดมศึกษาของสหราชอาณาจักรใช้เวลาเรียนสั้นกว่าประเทศอื่นๆ
หลักสูตรปริญญาตรีส่วนใหญ่ใช้เวลาเรียนเพียง 3 ปี (ยกเว้นบางสาขาที่อาจใช้เวลานานกว่า) ส่วนหลักสูตรปริญญาโทใช้เวลาเรียนเพียง 1 ปี
ระยะเวลาเรียนที่สั้นลงช่วยให้คุณเรียนจบและเริ่มต้นการทำงานได้เร็วขึ้น รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อก็ลดลงตามไปด้วย
ง่ายๆ สั้นๆ เพราะคุณกำลังเรียนกับเจ้าของภาษาตัวจริง
สหราชอาณาจักรเป็นประเทศต้นกำเนิดของภาษาอังกฤษที่ทั่วโลกยอมรับให้เป็น ภาษาสากล (แม้แต่ในอินเทอร์เน็ตก็ยังใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักเลยนะ) ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญอันดับต้นๆ ที่หลายคนเลือกเรียนต่อที่ประเทศแห่งนี้
การเรียนที่สหราชอาณาจักร คุณจะได้อยู่ในท่ามกลางสภาพแวดล้อมรอบตัวที่ใช้ภาษาอังกฤษแบบมาตรฐานและได้ เรียนรู้ภาษาอย่างเป็นธรรมชาติจากเจ้าของภาษาขนานแท้ เป็นการสร้างทักษะภาษาอังกฤษอย่างดีเยี่ยมที่จะติดตัวไปตลอดชีวิต ช่วยเพิ่มโอกาสของการได้งานดีๆ และมีรายได้มากขึ้นในอนาคต
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคนี้ ใครที่มีทักษะภาษาอังกฤษดี ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง
การเรียนการสอนบ้านเรา เน้นการเล็คเชอร์เป็นหลัก แต่ที่สหราชอาณาจักร อาจารย์จะทำหน้าที่เปิดประเด็น แล้วให้นักเรียนพูดคุยถกกันในหัวข้อที่จะบรรยายในวันนั้น
อาจดูเป็นเรื่องยากสำหรับนักเรียนไทย เพราะเราไม่คุ้นเคยกับระบบการเรียนแบบนี้ แต่เชื่อเถอะว่า คุณจะได้ฝึกคิดวิเคราะห์ และยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างของเพื่อนร่วมชั้นเรียน
ทักษะนี้จะเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับคุณในการทำงานและการใช้ชีวิตในอนาคต
“สหราชอาณาจักร ดินแดนแห่งผู้ดีอังกฤษ”
ภูมิประเทศ
สหราชอาณาจักร หรือที่รู้จักกันดีในนามของประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของทวีปยุโรป ประกอบด้วยดินแดน 4 ส่วน คือ อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ (ซึ่งรวมกันเป็นบริเตนใหญ่) และเกาะไอร์แลนด์เหนือ มีเมืองหลวงคือกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอังกฤษด้วย สำหรับประเทศเวลส์ เมืองหลวงคือคาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวงของประเทศสกอตแลนด์คือเอดินเบิร์ก และเมืองหลวงของแคว้นไอร์แลนด์เหนือคือเบลฟาสต์
ขนาดพื้นที่ประมาณ 95,000 ตารางไมล์ (245,000 ตารางกิโลเมตร) ครอบคลุมจากเกาะเช็ทแลนด์ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของสกอตแลนด์ ยาวลงมาจนถึงไอล์ ออฟ ซิลลี่ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ข้ามทะเลไปสู่ไอร์แลนด์เหนือ
ดินแดนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ย้อนไปก่อนคริสตกาลราว 6,500 ปี จึงมีแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติอยู่มากมาย และมีเมืองมรดกโลกอยู่หลายแห่ง
นอกจากนี้สหราชอาณาจักรมักถูกเรียกว่า “เมืองผู้ดี” เพราะสภาพอากาศมีความแปรปรวนสูง มีฝนตกบ่อยๆ ทำให้คนต้องใส่หมวก สวมเสื้อโค้ต และถือร่มพกติดตัว ดูเป็นชุดที่ดูสุภาพเรียบร้อยเหมือนผู้ดีนั่นเอง
ภูมิอากาศ
ประชากร
ภาษา
ศาสนา
การเตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศ นอกเหนือจากการเตรียมตัวด้านอื่นๆ เช่น ภาษา การตรวจสุขภาพ การเรียนรู้เรื่องราวด้านวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ของประเทศนั้นๆ ไว้บ้าง จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตต่างแดนได้ราบรื่นขึ้น มาดูกันสิว่ามีเรื่องอะไรที่คุณควรรู้ไว้ก่อนไปเรียนที่สหราชอาณาจักรบ้าง
ใครว่าคนอังกฤษไม่เป็นมิตร
คนอังกฤษส่วนใหญ่จะมีบุคลิกที่เป็นทางการ (ที่มาหนึ่งของคำว่า “ผู้ดีอังกฤษ”) และไม่ชอบแสดงออกเปิดเผยในที่สาธารณะ ถ้าลองสังเกตดีๆ เราจะไม่ค่อยเห็นคนอังกฤษคุยกับผู้โดยสารคนอื่นบนรถขนส่งมวลชน หรือส่งเสียงโห่ร้องตอนชมมหรสพการแสดง เพราะถือเป็นมารยาททางสังคม เห็นอย่างนี้แล้วชาวต่างชาติส่วนใหญ่เลยมักมองว่า คนอังกฤษไม่เป็นมิตร แต่จริงๆ แล้ว ถ้าได้คบหาพูดคุย คนอังกฤษก็มีความเห็นอกเห็นใจและชอบช่วยเหลือคนอื่นไม่แพ้ชาติใดในโลกเลยนะ
คนอังกฤษชอบดื่มชา
คนอังกฤษเป็นชาติที่ดื่มชามาก วันหนึ่งดื่มทีละหลายเวลา เทียบกับคนอเมริกันแล้ว คนอังกฤษดื่มชามากกว่าถึง 20 เท่าเลยทีเดียว จึงไม่แปลกที่อังกฤษจะได้รับฉายาว่า “ประเทศแห่งการดื่มชา”
มีธรรมเนียมของอังกฤษ คือ การดื่มชาบ่าย (Afternoon tea) พร้อมกับขนมที่มีให้เลือกหลายชนิด โดยเฉพาะขนมเค้กชนิดต่างๆ การทำน้ำชาดื่มของคนอังกฤษจะแตกต่างจากคนทั่วไป คือไม่ได้รินน้ำชาลงถ้วยก่อนแล้วค่อยเติมนมหรือครีมและน้ำตาลแต่คนอังกฤษจะใส่ครีมหรือนมลงไปก่อน เติมน้ำตาล แล้วจึงรินน้ำชาร้อนๆ ลงไปทีหลัง
ครวหน้าถ้าคุณเห็นใครทำน้ำชาดื่มแบบนี้ ลองถามเขาดูว่า “คุณมาจากอังกฤษหรือเปล่า“ รับรองว่าจะได้รับคำตอบ “Yes” พร้อมความแปลกใจ “ทำไม you รู้ละ” (ก็ฉันอ่านจากเว็บนี้ไง)
นัดกับคนอังกฤษต้องใส่ใจเรื่องเวลา
สำหรับบางประเทศ การไปตรงตามเวลานัดหมายอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่โต มาสายบ้างก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับการนัดหมายกับคนอังกฤษ ต้องกะเวลาแบบพอดีๆ ไม่มาก่อนมากหรือมาช้าเกินไป เช่น นัดบ่ายสอง ก็ควรไปถึงที่นัดก่อนสัก 10-15 นาที หรือมาช้าไม่เกิน 5 นาที ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเสียมารยาทที่ทำให้อีกฝ่ายรอ
ไปบ้านใคร อย่าไปมือเปล่า
ถ้ามีเพื่อนชาวอังกฤษชวนคุณไปบ้าน ไม่ควรไปมือเปล่า ถือว่าเสียมารยาทมาก ควรมีของติดมือไปให้เจ้าของบ้าน เช่น ดอกไม้ ขนม
ยืดอก พกร่ม
อังกฤษเป็นประเทศที่อากาศแปรปรวนสูง แทบจะมี 3 ฤดูในหนึ่งวัน ที่สำคัญฝนตกบ่อยมาก จึงควรพกร่มติดตัวไว้เสมอ แต่ก็แปลกตรงที่ ฝนตกทั้งปี แต่คนอังกฤษชอบลืมร่มทิ้งไว้อยู่เรื่อย จากการสำรวจพบว่า ในแต่ละปีจะมีคนอังกฤษลืมร่มไว้ในสถานีรถไฟใต้ดินต่างๆ ของกรุงลอนดอน สูงถึง 80,000 คันต่อปี เรียกว่าเก็บร่มไปขายคงจะรวยแน่ๆ
เรียกให้ถูกนะจ๊ะ
ที่อังกฤษ ถ้าถามหาห้องน้ำให้เรียกว่า toilet (ต่างจากอเมริกาที่ทุกคนเรียกว่า restroom) มีอีกคำที่เป็นแสลงเรียกห้องน้ำ คือ loo
ชูสองนิ้วอย่างนี้…ห้ามเลย
ที่อังกฤษ การชูสองนิ้ว (ยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางแบบตัว V) แล้วหันหลังมือออก ถือว่าหยาบคายมาก เทียบเท่ากับการชูนิ้วกลางเลยทีเดียว